pdf pic 

 

 

ภาคผนวก 1

บัพติศมาของยอห์นใช้ได้หรือไม่?

 

ข้อมูลต่อไปนี้นำมาจากหนังสือการมาเป็นคนใหม่ โดย อีริค เอช เอช ชาง 

และถูกรวมไว้ที่นี่ (ในรูปแบบที่แก้ไข) เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหัวข้อบัพติศมา

ทบไม่มีการกล่าวถึงการบัพติศมาใหม่ในพระคัมภีร์ใหม่ แต่ที่กล่าวถึง (ในกิจการ 19) ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ไม่เพียงในเรื่องบัพติศมา แต่เรื่องบัพติศมาของยอห์นด้วย  ต่อไปนี้คือกรณีของการรับบัพติศมาใหม่ในเมืองเอเฟซัส ซึ่งเปาโลได้ให้บัพติศมาใหม่ประมาณ 12 คน แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว

 

1ขณะ​ที่​อปอล​โล​ยัง​อยู่​ที่​เมือง​โครินธ์ เปา​โลก็​เดิน​ทาง​​เข้า​มา​ยัง​เมือง​เอ​เฟ​ซัสทางบก​  เขาพบกับ​สา​วก​บาง​คน​ที่​นั่น  2เขาจึง​ถาม​​​ว่า “เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เชื่อ​นั้น ท่าน​ได้​รับ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​หรือ​ไม่?”  พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่เลย ​เรา​ยัง​ไม่​เคย​ได้​ยิน​เรื่อง​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​”  3เปา​โล​จึง​ถาม​​ว่า “ถ้า​เช่น​นั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​รับ​บัพ​ติศ​มา​อะไร?”  พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บัพ​ติศ​มา​ของ​ยอห์น”  4เปา​โล​จึง​กล่าว​ว่า “ยอห์น​ให้​รับ​บัพ​ติศ​มา​ที่​แสดง​การ​กลับ​ใจ​ใหม่ และ​บอก​คน​ทั้ง​ปวง​ให้​เชื่อ​ใน​พระ​องค์​ผู้​จะ​เสด็จ​มา​ภาย​หลังเขา นั่นก็​คือ​พระ​เยซู”  5เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น พวก​เขา​จึง​รับ​บัพ​ติศ​มา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า  6และเมื่อ​เปา​โล​ได้วาง​มือ​บน​​พวก​เขา​ พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ก็​เสด็จ​มา​ยัง​พวก​เขา แล้วพวก​เขาก็​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ และ​เผย​พระ​วจนะ  7 คนเหล่า​นั้น​มี​ประ​มาณ​สิบ​สอง​คน (กิจการ 19:1-7 ฉบับ ESV)

 

เราเข้าใจเรื่องราวที่น่าทึ่งนี้อย่างไร?  คริสเตียน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่รู้ว่าบัพติศมาของ “คริสเตียน” มีจุด เริ่มต้นมาจากบัพติศมาของยอห์นนั้น อาจคิดว่าชาย 12 คนรับบัพติศมาใหม่เพราะมีบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับบัพติศมาของยอห์นจึงจำเป็นต้องรับบัพติศมาใหม่

แต่​ให้​เรา​พิจารณา​เรื่อง​นี้​อย่าง​ถี่ถ้วน  บัพติศมาของยอห์นมาจากไหนหรือ?  มันมาจากสวรรค์นั่นคือมาจากพระเจ้าไหม?  หรือว่ามาจากมนุษย์?  นี่เป็นคำถามที่พระเยซูทรงถามพวกฟาริสีเมื่อพวกเขากำลังท้าทายสิทธิอำนาจของพระองค์ (มาระโก 11:30; ลูกา 20:4)  มีกล่าวไว้ในที่อื่น (ในลูกา 7:30) ว่าการที่พวกฟาริสีปฏิเสธที่จะรับบัพติศมาจากยอห์น ก็เป็นการปฏิเสธพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขา

แต่ถ้าบัพติศมาของยอห์นมาจากพระเจ้า แล้วเหตุใดชาย 12 คนในเอเฟซัสจึงรับบัพติศมาอีกครั้ง ซึ่งเรียกว่าบัพติศมาของ “คริสเตียน” ล่ะ?  มันเป็นเรื่องน่าคิดที่มีการบัพติศมาใหม่ได้เกิดขึ้น เพราะทั้งสองบัพติศมานี้ ซึ่งก็คือบัพติศมาของยอห์นและบัพติศมาของคริสเตียนจะมีเนื้อหาเหมือนกัน คือทั้งแสดงการกลับใจและความเชื่อในพระเยซู

ปัจจัยสำคัญทั้งสองนี้ นั่นก็คือการกลับใจและความเชื่อในพระเยซู ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรับบัพติศมาของยอห์นนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคิด ดังที่ได้เห็นในคำกล่าวของเปาโลกับชายทั้ง 12 คนว่า “ยอห์น​ให้​รับ​บัพ​ติศ​มา​ที่​แสดง​การ​กลับ​ใจ​ใหม่ และ​บอก​คน​ทั้ง​ปวง​ให้​เชื่อ​ใน​พระ​องค์​ผู้​จะ​เสด็จ​มา​ภาย​หลังเขา นั่นก็​คือ​ในพระ​เยซู” (กิจการ 19:4)

ในทำนองเดียวกัน ปัจจัยสำคัญทั้งสองนี้ คือการกลับใจและความเชื่อก็เป็นส่วนสำคัญในการรับบัพติศมาของคริสเตียน ดังที่เราเห็นในกิจการ 2:38 (“จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมา”) และ โคโลสี 2:12 (“บัพติศมา ที่พระเจ้าทรงให้ท่านเป็นขึ้นมากับพระองค์โดยความเชื่อ”)

เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราจะตอบข้อข้องใจกับสถานภาพการรับบัพติศมาของยอห์นเพราะข้อความก่อนหน้านี้ กิจการ 18:24-28 กล่าวถึงอปอลโล ผู้เชื่อที่มีพันธกิจที่โดดเด่นของคริสตจักร และยังเป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับเปาโลและเปโตรด้วย (1 โครินธ์ 3:6, 22)  ข้อ 25 กล่าวอย่างชัดเจนแต่ขัดกับความคาดหวังของเราว่า อปอลโลได้รับ “แต่เพียงบัพติศมาของยอห์นเท่านั้น”  พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่าในเวลาต่อมา อปอลโลได้รับบัพติศมาใหม่จากเปาโลหรือใครอื่น

ยิ่งกว่านั้น อัครทูตสองสามคน ซึ่งแทบจะแน่นอนว่าเปโตรก็เคยเป็นศิษย์ของยอห์นมาก่อน หรือที่รู้จักกันในนามยอห์นผู้ให้บัพติศมา (ยอห์น 1:35-42) และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องรับบัพติศมาจากยอห์น แต่ก็ไม่มีบันทึกว่าอัครทูตเหล่านี้เคยรับบัพติศมาอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้รู้จักและติดตามพระเยซู

และเราจะต้องไม่ลืมว่า พระเยซูเองก็ทรงรับบัพติศมาจากยอห์น หรือที่ฝูงชนจำนวนมากมาหายอห์นเพื่อรับบัพติศมาจากเขา (ลูกา 3:7, 10) โดยไม่มีบันทึกภายหลังของการรับบัพติศมาใหม่ของคนจำนวนมาก

ยิ่งกว่านั้น ชาย 12 คนในกิจการ 19 ได้ถูกเรียกว่า “สาวก” (ข้อ 1) ทั้งๆที่ได้รับบัพติศมาของยอห์นเท่านั้น  “สาวก” เป็นคำปกติสำหรับเรียกคริสเตียน (กิจการ 11:26)  อย่างน้อยที่สุด นี่จะบ่งบอกว่าชายทั้ง 12 คนมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มสาวกในวงกว้างในเมืองเอเฟซัส และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสามัคคีธรรมนั้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาได้รับบัพติศมา แม้ว่าจะรับบัพติศมาของยอห์นก็ตาม  นอกจากนี้ ชายทั้ง 12 คนจะต้องมีส่วนที่เชื่อในพระเยซู ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นสาวก  อันที่จริงเปาโลพูดถึงพวกเขาว่าได้ “เชื่อ” (ข้อ 2)  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ผู้ที่ไม่เชื่อเสียทั้งหมด ไม่เช่นนั้น เปาโลจะไม่ถามพวกเขาว่าพวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ (ข้อ 2)

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาของชาย 12 คนในเมืองเอเฟซัสไม่ได้อยู่ที่การรับบัพติศมาของยอห์น  บัพติศมาของยอห์นมาจากพระเจ้าอย่างแน่นอน ซึ่งถูกกำหนดและรับรองจากพระเจ้า จะต้องมีปัจจัยอื่นที่ทำให้การรับบัพติศมาครั้งแรกของชาย 12 คนเป็นโมฆะ โดยที่พวกเขาจำเป็นต้องรับบัพติศมาใหม่

ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า บัพติศมาของพวกเขาไม่ได้ทำ “ในพระนามของพระเยซู” เพราะสิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นกับอัครทูตกลุ่มแรกและอปอลโล  คำตอบในเรื่องนี้มีอยู่ในกิจการ 19:2 ซึ่งบอกเราว่าปัญหาที่แท้จริงก็คือคนเหล่านั้นไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาตอบว่า “ไม่” เมื่อเปาโลถามพวกเขาว่า “เมื่อพวกท่านเชื่อนั้น พวกท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?”

แต่ถ้าเป็นกรณีนี้ เหตุใดจึงจำเป็นที่พวกเขาต้องรับบัพติศมาใหม่?  พวกเขาเพียงแค่ได้รับการวางมือเพื่อรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้หรือ?  นี่คือสิ่งที่ได้ทำในกรณีของชาวสะมาเรียที่ไม่ได้รับพระวิญญาณเมื่อพวกเขาได้รับบัพติศมาในพระนามของพระเยซู  ดังนั้นพวกอัครทูตจึงวางมือบนพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการ 8:16-17)

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ชาย 12 คนในเมืองเอเฟซัสไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ที่พวกเขายังไม่เคยได้ยินเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการ 19:2)  พวกเขาน่าจะเป็นคนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับพระคัมภีร์เดิม เพราะไม่มีชาวยิวคนไหนที่จะไม่รู้จักพระวิญญาณบริสุทธิ์ (เปรียบเทียบสดุดี 51:11 “ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปไกลจากพระพักตร์ของพระองค์ และขออย่าทรงนำพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์”)  เนื่องจากชายทั้ง 12 คนไม่เคยได้ยินเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย พวกเขาน่าจะติดต่อกับพวกสาวกที่เมืองเอเฟซัสได้ไม่นาน

ดังนั้นหลักฐานที่ดีที่สุดจึงบ่งชี้ว่า ชายในเมืองเอเฟซัสได้รับบัพติศมาก่อนหน้านี้โดยสาวกชาวต่างชาติหรือศิษย์ของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ซึ่งได้รับการสอนยังไม่พอในเรื่องของพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้ชาย 12 คนนี้จึงไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้า (นอกเหนือจากการกลับใจใหม่) ที่พวกเขาอาจไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาที่มีความหมายต่อพระเจ้าเมื่อพวกเขารับบัพติศมา แต่เรื่องนี้จะชัดเจนขึ้นเมื่อเราดูกิจการ 19:4-5

 

เปา​โล​จึง​กล่าว​ว่า “​บัพ​ติศ​มา​ของยอห์น​คือบัพ​ติศ​มาที่​แสดง​การ​กลับ​ใจ​ใหม่  เขา​บอก​คน​ทั้ง​หลายที่​เชื่อใน​พระ​องค์​ผู้​จะ​เสด็จ​มา​ภาย​หลังเขา ซึ่งก็​คือ​พระ​เยซู”  เมื่อ​ได้​ฟังอย่างนี้ พวก​เขา​จึง​รับ​บัพ​ติศ​มา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า (กิจการ 19:4-5 ฉบับ NIV)

ข้อมูลใหม่ “นี้” ที่พวกเขาเพิ่งได้ฟังจากเปาโลคืออะไรหรือจึงนำไปสู่การรับบัพติศมาอีกครั้ง?  แน่นอนว่าไม่ใช่คำสอนเรื่องการกลับใจใหม่ เพราะถ้าไม่มีการกลับใจใหม่ พวกเขาก็คงจะไม่ได้รับบัพติศมาของยอห์นเลย  เห็นได้ชัดว่า สิ่งใหม่สำหรับชาย 12 คนนั้นคือองค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการรับบัพติศมา กล่าวคือ ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเองได้ประกาศความเชื่อในพระเยซูองค์ผู้เป็นเจ้า  นั่นเห็นได้ชัดว่าชายทั้ง 12 คนนี้ไม่รู้ว่ายอห์นประกาศความเชื่อในพระเยซู หรือรู้ว่าเขาชี้ไปที่พระเยซูว่าเป็น “ลูกแกะเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29, 36)

เนื่องจากชายทั้ง 12 คนนี้ไม่รู้ความหมายการรับบัพติศมาของยอห์นอย่างครบถ้วน รวมถึงส่วนที่เกี่ยวกับความเชื่อในพระเยซู พวกเขาจึงไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาใดๆเกี่ยวกับความเชื่อในพระเยซูในการรับบัพติศมาครั้งแรก จึงทำให้การรับบัพติศมาเป็นโมฆะ  ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่บัพติศมาของยอห์นแต่อยู่ที่ว่าจัดการและอธิบายอย่างไร  แต่ทันทีที่ได้อธิบายความหมายทั้งหมดของการรับบัพติศมาของยอห์นให้กับชายทั้ง 12 คน พวกเขาก็เชื่อในพระเยซูทันที และได้รับบัพติศมาอีกครั้งจากเปาโล “ในพระนามของพระเยซูองค์ผู้เป็นเจ้า” (กิจการ 19:5)

โดยสรุปแล้ว ถ้าบัพติศมาของยอห์นมีองค์ประกอบสองประการของความเชื่อและการกลับใจใหม่รวมอยู่ด้วยก็ไม่เป็นโมฆะ และไม่จำเป็นต้องรับบัพติศมาใหม่